มาดูเครื่องดนตรีที่เป็นตะกูลเครื่องเป่าทองเหลืองกัน
(1) แตรทรัมเป๊ต ( Trumpet )
แตรทรัมเป๊ต เป็นเครื่องดนตรีที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า
3,000 ปี โดยปรากฏครั้งแรกในอารยธรรมอียิปต์โบราณ ในรูปของแตรที่ทำด้วยเครื่องทองเหลือง
ในขณะที่อารยธรรมอื่นโดยรอบ ยังใช้แตรที่ทำด้วยวัสดุธรรมชาติ อาทิ
เขาสัตว์ หรือ หอยสังข์ จากนั้นจึงส่งต่อการใช้แตรทองเหลืองนี้ ผ่านมาทางวัฒนธรรมตะวันออกกลาง
วัฒนธรรมกรีกในเอเชียไมเนอร์ และเข้าสู่วัฒนธรรมของโรมัน
และเนื่องจากแตรทรัมเป๊ต มีเสียงที่โดดเด่นและแจ่มใสกว่าวัสดุอย่างอื่น
ๆ ดังนั้น มันจึงถูกเลือกให้ใช้เป็นเครื่องส่งสัญญาณในกองทัพมาตั้งแต่สมัยโบราณ
เพราะในระหว่างการรบที่ชุลมุนวุ่นวายและอึกทึกครึกโครมนั้น มีเพียงเสียงแตรทรัมเป๊ตเท่านั้น
ที่สามารถทะลุทะลวงเสียงแห่งความวุ่นวายนั้นได้ เพื่อสั่งการให้กองทัพบุก
หรือ ถอย ซึ่งถือว่าแตรทรัมเป๊ต เป็นปัจจัยชี้ชัยชนะ หรือความปราชัย
หรือชี้ความเป็นความตายของทั้งกองทัพเลยทีเดียว แม้ในปัจจุบันนี้
การติดต่อสื่อสารระหว่างกองทัพจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นอยู่แล้วก็ตาม
แต่แตรทรัมเป๊ตก็ยังคงได้รับเกียรติให้เป็นเครื่องส่งสัญญาณในกองทัพมาอยู่จนทุกวันนี้
แตรทรัมเป็ต ในช่วงเวลา 3,000 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงยุคบาโร้ค มีการเปลี่ยนแปลงรูปที่น้อยมาก
โดยส่วนมากยังคงลักษณะเดิมไว้คือ มีท่อเรียวยาว และปลายปากที่บานออกในรูปลำโพง
ซึ่งช่วยให้การกระจายเสียงได้ดีมากขึ้น ส่วนท่อที่ขดอยู่นั้นมีเพื่อช่วยให้เสียงที่ออกมานั้นดีขึ้น
และสามารถควบคุมการออกเสียงได้ชัดเจนขึ้นและง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การกำหนดเสียงต่าง
ๆ นั้น ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการบังคับลมและเสียงด้วยตัวของผู้เล่นเอง
ซึ่งแตกต่างจากแตรทรัมเป๊ตในปัจจุบันที่มีระบบลูกสูบ ซึ่งช่วยให้การบังคับลมและเสียงของแตรทรัมเป๊ตง่ายขึ้นกว่าแตรในยุคบาโร้ค
(2) แตรฮอร์น ( Horn )
ตามรูปศัพท์ ฮอร์น ( Horn ) หมายความตรงตัวว่า เขาสัตว์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีรูปโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว)
เมื่อมนุษย์มีการนำเอาเขาสัตว์มาประดิษฐ์เป็นแตรเพื่อการส่งเสียงสัญญาณ
คำว่า ฮอร์น ก็มีความหมายติดมาว่า หมายถึง แตรส่งสัญญาณด้วย จนถึงเมื่อกระทั่งในช่วงยุคโรมัน
มีการประดิษฐ์แตรด้วยทองเหลือง ที่เรียกว่า Corna ซึ่งเป็นแตรที่ใช้ในกองทัพโรมัน
ก็มาจากรูปแบบของแตรเขาสัตว์เป็นสำคัญ และอาจจะนับได้ว่าแตร Corna
ของโรมัน เป็นต้นแบบของแตร Horn ทุกวันนี้ เพราะในภาษาอื่น ๆ เช่น
ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอิตาเลียน (ซึ่งมีรากมาจากตระกูลภาษาละตินของโรมัน)
ก็เรียกแตรฮอร์นนี้ ว่า Cor หรือ Corno เช่นกัน
แตรฮอร์นในยุคบาโร้คนั้น มีพัฒนาการมาจากแตรฮอร์นที่ใช้ในการล่าสัตว์ ที่เรียกว่า
ลา คอร์โน ดา คักชา (La Corno da Caccia) ในภาษาอิตาเลียน หรือ ลา กอร์ เดอ แชสส์
(La Cor de Chasse) ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแตรที่ใช้สำหรับเป่าไล่สัตว์ที่เป็นเหยื่อให้ตกใจวิ่งหนี
โดยจุดประสงค์เดิม คือเพื่อให้เกิดเสียงดัง ๆ เท่านั้น โดยไม่สนใจว่าจะได้เสียงที่ดีหรือไม่
และขนาดของ แตรฮอร์นล่าสัตว์ ก็จะมีขนาดเส้นรอบวงใหญ่กว่าแตรฮอร์นเพื่อการเล่นดนตรี
เพื่อที่จะสามารถเอาส่วนโค้งกลมของแตรฮอร์นนั้นคล้องรอบตัวไว้ได้ เพื่อที่จะไม่ร่วงหล่นในขณะที่ต้องขี่ม้าล่าสัตว์
แต่เมื่อมีการนำแตรฮอร์นเข้ามาใช้ในการแสดงดนตรีเพื่อความบรรเทิง จึงต้องมีการลดขนาดเส้นรอบวง
เพื่อให้ไม่เกะกะ และปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนการที่เราเรียกแตรฮอร์น ว่า เฟรนช์ฮอร์น ( French Horn ) เนื่องมาจาก ช่างฝีมือชาวฝรั่งเศส
ในช่วงราว ปี ค.ศ.1650 ได้ทำการพัฒนาแตรฮอร์นที่ใช้ในการล่าสัตว์ ( La Corno da
Caccia) มาเป็นแตรฮอร์นเพื่อใช้ในการบรรเลงดนตรีอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก จากนั้น
จึงได้รับความนิยมกันทั่วไป และรู้จักกันในนามของ French Horn เพื่อเรียกให้แตกต่างจาก
La Corno da Caccia ซึ่งก็ยังคงใช้กันอยู่ ในเวลาต่อมา ช่างฝีมือชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงเฟรนช์ฮอร์นให้ดีขึ้น
ในช่วง ราว ค.ศ.1750 และเป็นต้นแบบของเฟรนช์ฮอร์นในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดี เฟรนช์ฮอร์นในยุคบาโร้ค
ยังคงไม่มีระบบลูกสูบเพื่อช่วยในการบังคับลมและเสียงได้ง่ายเหมือนดังเช่นเฟรนช์ฮอร์นในปัจจุบัน
ดังนั้น บางครั้งจึงมีผู้เรียกเฟรนช์ฮอร์นในยุคบาโร้ค ว่า Natural Horn เพื่อให้แยกความแตกต่างออกจาก
เฟรนช์ฮอร์น ในยุคปัจจุบัน

(3) ทรอมโบน ( Trombone )
คำว่า ทรอมโบน ( Trombone ) เป็นภาษาอิตาเลียน มาจากคำว่า Tromba
ซึ่งแปลว่า "แตรทรัมเป๊ต" และคำวิเศษณ์ขยายตามท้าย ว่า
-one ซึ่งจะทำให้มีความหมายว่า "มีขนาดใหญ่" ดังนั้น คำว่า
Trombone จึงมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า "แตรทรัมเป๊ตขนาดใหญ่"
ในก่อนยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทรอมโบน จะเป็นที่รู้จักกันในนามของ "แซ๊กบัต" (
Sackbut ) ซึ่งเป็นคำภาษาอังกฤษโบราณ แตรแซ๊กบัต เป็นแตรที่ใช้กันทั่วไปทั้งในอังกฤษ
เยอรมัน และอิตาลี โดยมีขนาดต่าง ๆ กันตามเสียง โดยทั่วไป แตรแซ๊กบัต
จะมี 3 ขนาด คือ เสียง Alto , Tenor และ Bass
ในช่วงยุคคริสต์สตวรรษที่ 16 - ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีการพัฒนาแตรแซ๊กบัต
จนมากลายเป็น แตรทรอมโบน ในที่สุด แต่แตรทรอมโบนในยุคบาโร้คนั้นก็ยังไม่มีความแตกต่างจากแตรแซ๊กบัตมากนัก
คีตกวีในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 นิยมใช้แตรทรอมโบน ในบทเพลงที่เกี่ยวกับศาสนา อาทิเช่น
Claudio Monterverdi , Giovanni Gabrielli แต่พอล่วงเข้ายุคบาโร้ค ในยุคคริสต์ศตวรรษที่
17-18 แล้ว แตรทรอมโบนกลับไม่ได้รับความนิยมมากดังเช่นในยุค Renaissance ดังจะเห็นได้ว่า
ในยุคบาโร้ค แทบไม่ปรากฏบทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยทรอมโบนเลย แต่ก็ยังมีคีตกวีบางท่าน
เช่น Handel ใช้ทรอมโบนอยู่บ้าง เช่น ใน The Music for The Royal Firework เป็นต้น

|